bet size หรือจำนวนเงินที่ใช้ในการลงเดิมพัน ซึ่งการเลือก bet size ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถทำเงินได้มากขึ้น หรือช่วยให้เสียในจำนวนที่ไม่เยอะเกินไป เพราะการเลือกขนาดเดิมพันที่เหมาะสมอาจจะหลอกล่อให้คู่แข่งเล่นตามมาด้วยไพ่ที่ไม่ได้ดีมากนั่นเอง
จะรู้ได้ยังไงว่าต้องเลือก bet size เท่าไหร่ ?
ก่อนจะได้รู้ขนาดของ bet size ที่ดี ต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และจะ bet เพื่ออะไร? ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. bet เพื่อทำกำไร
คุณจะ bet เพื่อกำไรเมื่อคุณคิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่ที่ดีที่สุดอยู่ และคิดว่าคู่ต่อสู้จะ call ด้วยไพ่ที่แย่กว่าคุณ (ซึ่งการที่จะรู้ว่าไพ่ตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน ต้องใช้เวลาฝึกฝน) สิ่งสำคัญในการเดิมพันเพื่อกำไร คือ คู่ต่อสู้ call ตามมาโดยไม่คำนึงว่าตัวเองมีไพ่แย่กว่าคุณหรือเปล่า การที่เราทำให้เขา call ตามมาด้วยไพ่ที่มีโอกาสชนะน้อยกว่าเรานั้นถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
2. bet เพื่อบลัฟ
bet เพื่อบลัฟ เพราะเราคิดว่าตัวเองถือไพ่ที่แย่ที่สุดอยู่ แต่จะทำให้อีกฝ่ายหมอบไพ่ที่ดีกว่าเราได้ bet เพื่อบลัฟต้องอาศัยทักษะมากกว่าการ bet เพื่อทำกำไร ซึ่งเราต้องทำให้คู่ต่อสู้เชื่อว่าเรามีไพ่ที่ดีจนต้องยอมหมอบ ทั้ง ๆ ที่ไพ่เราอาจจะแย่กว่า และเราจะได้เงินทุกครั้งถ้าคู่ต่อสู้หลงกลเรา
เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะ bet เพื่อทำกำไร หรือ bet เพื่อบลัฟ ถ้าคิดว่าโอกาสชนะเรามีมากกว่า 50% เรากำลัง bet เพื่อทำกำไร แต่ถ้าน้อยกว่า 50% เรากำลัง bet เพื่อบลัฟ ถ้าไม่รู้หรือไม่แน่ใจจริง ๆ คุณไม่ควร bet หรือ raise โดยไม่มีเหตุผล เพราะอาจจะทำให้ตัวผู้เล่นเสียเงินแน่นอน
การเลือก Bet Size ในช่วง Pre-flop
ช่วง Pre-flop ถ้าจะ Raise ควรทำประมาณ 3-4 เท่าของบิ๊กบลายด์ แต่ถ้ามีผู้เล่น call ตามมาเฉย ๆ ให้เพิ่มจำนวนเงินไปอีกเท่านึงของบิ๊กบลายด์ (เพิ่มจาก3-4 เท่า) ตามจำนวนผู้เล่นที่ call เพื่อป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ได้ pot odds ที่ดี
การทำแบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้เห็นความไม่มั่นใจในไพ่ของเรา และไม่ยอมให้คู่แข่งเอาไพ่ไม่ดีมาบลัฟเราได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นคุณควร bet หนัก ๆ ให้คู่ต้องสู้กลัวคุณ
กฎ Bet size 8 ประการ
1. ควร raise เพิ่มในรอบ pre flop เมื่อมีผู้เล่นที่อ่อนแออยู่ใน ตำแหน่ง BB หรือ SB
เป้าหมายคือการดึงกำไรเพิ่มเติมจากผู้เล่นที่อ่อนแอ เพราะผู้เล่นที่อ่อนแอและผู้เล่นที่ไม่มีประสบการณ์มักจะ call, raise อย่างไม่มีแบบแผน
2. ถ้าคุณจะออกจากตำแหน่ง post flop ควร 3-bet pre-flop ให้หนัก
ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่งคุณควร 3-bet ประมาณสามเท่าของ raise คู่ต่อสู้ แต่ถ้าคุณไม่อยู่ในตำแหน่ง คุณควร 3-bet ประมาณสี่เท่าของ raise คู่ต่อสู้ และเมื่อคุณออกจากตำแหน่ง ทำให้รู้ได้ง่ายว่าคู่ต่อสู้ได้เสียมากแค่ไหน
3. bet ขนาดเล็ก บน dry board
คุณมีโอกาสในการชนะ pot โดยบังคับให้พวกเขาหมอบด้วยการ bet เมื่อไพ่ของคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่จะได้เสียน้อย หรือแทบไม่มีไพ่ที่ดีเลย เมื่อเทียบกับช่วง bet ที่ดีของคุณ ทำให้คุณอยากที่จะ bet จำนวนน้อย มากขึ้น กรณีนี้มักเกิดขึ้นบน dry board
ข้อดีอีกอย่างของการ bet น้อย บน dry board คือช่วงการ call มักจะไม่ยืดหยุ่น โอกาสที่คู่ต่อสู้ในโต๊ะของคุณจะหมอบเพื่อ bet ใกล้เคียงกันโดยไม่คำนึงว่ามากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้การเดิมพันจำนวนน้อย ยังสามารถเอาเปรียบผู้เล่นที่หมอบบ่อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมสด และออนไลน์ที่มีผู้เล่นที่อ่อนแอ ซึ่งคู่ต่อสู้จำนวนมากมักเล่นใน post flop
4. bet ค่อนข้างหนักบน wet board
เมื่อการ bet ของคุณมีโอกาสที่จะ outdrawn (เป็นไปได้ที่ไพ่จะแข็งแกร่ง) คุณควร bet หนักขึ้น ประโยชน์คือ
- การ bet หนักช่วยให้คุณสร้างเงินกองกลางได้เมื่อคุณมี hand ที่แข็งแกร่ง
- การ bet ที่มากขึ้นจะทำให้มีมูลค่ามากขึ้น ก่อนถึง turn หรือ river และมีโอกาสลด hand ที่แข็งแกร่งของคุณให้เหลือแค่ bluff-catcher (มือที่ไม่แข็งแกร่งมาก)
- การ bet หนัก ทำให้มีโอกาสที่คู่ต่อสู้จะหมอบมากขึ้น และ bluff ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. อัตราส่วน stack-to-pot ควรส่งผลต่อ bet size ของคุณ
เมื่อเลือกขนาดการเดิมพันต้องพิจารณาอัตราส่วน stack-to-pot (SPR) ของคุณ โดยพิจารณาขนาดของ pot ในหลังรอบการเล่น และเทคนิคที่คุณจะเล่นด้วย hand และ bluff ผู้เล่นหลายคนจะ bet หนัก ๆ ใน flop และ turn ผลที่ตามมาก็คือการ bet เบา ๆ ที่ทิ้งไว้ใน river การ bluff ไม่ได้ค่อยได้ผลในสถานการณ์แบบนี้
6. overbet เมื่อคุณมั่นใจว่ามีไพ่ดีที่สุดใน board
overbet (การเดิมพันจำนวนมาก) ทำงานได้ดีบน board ที่คุณเป็นต่อ โดยเฉพาะถ้าคุณมี hand ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียว ช่วง overbet ควรเป็นตอนที่ไพ่ดีมาก ซึ่งประกอบด้วย hand และ bluff ที่แข็งแกร่งเท่านั้น จะทำให้ได้รับผลกำไรสูงสุดด้วย hand ที่ดีของคุณ แถมมีเปอร์เซ็นที่จะชนะด้วย bluff ของเรา ส่วนการ overbet bluff ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดมักจะเป็น hand ที่สกัด hand ที่แข็งแกร่งที่สุดของคู่ต่อสู้ที่จะ call
7. เมื่อ double barreling (ลงการเดิมพันอีกครั้งในรอบ turn) ให้ bet ค่อนข้างหนัก
เมื่อ bet ต่อเนื่องครั้งที่สอง สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงในการเล่นใน turn คือเราต้องมีไพ่ที่ดีมาก คุณต้องการให้ความเป็นไปได้ของ bet คุณประกอบด้วย hand ที่มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่มือที่ดีที่สุดใน river
การมี hand ระดับกลาง ปกติแล้วจะ bet ขนาดเล็ก แต่คุณควรที่จะ check ด้วยเหตุผลดังนี้
- หาก check ด้วยไพ่ระดับกลางในรอบ turn จะแข็งแกร่งพอที่จะ bet ใน river เพื่อความคุ้มค่า
- คุณสามารถใช้ hand ระดับกลางเพื่อ bluff ของคู่ต่อสู้ใน river
- ไพ่แต้มกลาง ๆ สามารถป้องกันไพ่แต้มที่อ่อนแอได้
- เมื่อคุณมีไพ่ระดับกลาง การ check ในรอบ turn จะช่วยให้คุณ bluff ด้วย hand ที่อ่อนแอมากใน river ได้อย่างดี
เทคนิคโป๊กเกอร์นี้ทุก hand ที่คุณมีจะทำงานร่วมกันเพื่อ EV (ค่าเฉลี่ยของกำไรที่จะได้หากเล่นเกมในระยะยาว) ของกลยุทธิ์ทั้งหมดของคุณ
ถ้าคุณใช้กลยุทธ์เมื่อมีไพ่ที่ดีมาก bet size ของคุณควรใหญ่กว่าเพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดด้วย hand ที่แข็งแกร่งของคุณ และเพิ่มความถี่ที่คุณสามารถ bluff ได้ ถ้าใช้น้อยกว่า 66% จะลด EV โดยรวมของคุณ
8. คุณควร c-bet เมื่อมีโอกาสในช่วง 3-bet pot
เนื่องจากอัตราส่วน stack-to-pot นั้นต่ำมากใน 3-bet pot คุณจึงสามารถลงหมดหน้าตักใน river ด้วยการ bet ต่ำกว่าขนาด pot ปกติ แม้ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยขนาด c-bet ที่ต่ำมากก็ตาม และ bet size นี้ยังเป็นสิ่งที่นักแก้ปัญหาชอบทำทั้งในและนอกตำแหน่ง
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่อง Bet Size
ความเข้าใจผิดของผู้เล่นมือใหม่คือ bet และ raise ที่ราคาต่ำสุด ซึ่งถ้าคุณทำใน Pre-flop จะมีผู้เล่นจำนวนมากตามมาเล่นกับคุณ เพราะคุณเปิดโอกาสที่ดีให้กับผู้เล่นคนอื่น นอกจากนั้นการ bet, raise ที่ราคาต่ำสุด ทำให้ได้ข้อมูลของคู่ต่อสู้น้อยมาก
แต่คุณสามารถที่จะทำเงินได้สูงสุดจากเกม ถ้าคุณเลือก Bet Size ที่ดีและเหมาะกับบริบทของตัวเองในรอบนั้น ๆ อีกทั้งผู้เล่นควรมีความกล้าในการตัดสินใจที่จะเดินเกม เพื่อให้มีความชำนาญและทำเงินได้มากยิ่งขึ้น
Ref. https://upswingpoker.com/bet-size-strategy-tips-rules/ https://www.888poker.com/magazine/strategy/bet-sizing-poker-comprehensive-guide