สูตรเล่นบาคาร่า การลงเงินเดิมพัน
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบทุนคงที่
เป็นสูตรเล่นบาคาร่าที่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นเกมพนันทุกรูปแบบเพื่อศึกษาระบบการเล่นและความเหมาะสมของนิสัยตัวเองในการลงทุนเล่นแต่ละเกมเพื่อเล่นบาคาร่าให้ได้เงิน
วิธีการลงทุนแบบทุนคงที่คือการวางเงินเดิมพันเท่ากันทุกตาไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม ซึ่งวิธีนี้จะมีความเสี่ยงน้อย ปลอดภัยที่สุด มีเงินทุนเยอะหรือน้อยก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เพื่อศึกษารูปแบบการเล่นและหาสูตรที่เหมาะสมสำหรับตัวเราเองต่อไป
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบอัตราส่วนทุนคงที่
ในสูตรนี้จะคิดเป็นเปอร์เซนต์ของเงินทุนในการลงเงินเดิมพันแต่ละรอบ และกำหนดเปอร์เซนต์กำไรในแต่ละรอบเอาไว้อย่างชัดเจน เมื่อครบ 1 รอบการเล่น ให้เริ่มรอบการเล่นบาคาร่าใหม่โดยนำกำไรทั้งหมดจากรอบการเล่นก่อนมาคำนวณเป็นยอดเงินทุนรวมทั้งหมดใหม่ แล้วค่อยคิดเปอร์เซนต์เงินลงทุนสำหรับตาแรกใหม่อีกครั้ง
ตัวอย่างเช่น หากมีเงินทุนรวมทั้งหมด 1000 บาท ให้แบ่งลงเดิมพันตาแรกที่ 5% คือ 50 บาท
- ตาแรก เริ่มเดิมพัน 50 บาท
- ตาถัดไปก็เล่นตามปกติ แต่จะจบ 1 รอบการเล่นเมื่อได้กำไรครบ 20% จากยอดเงินทุนรวมทั้งหมด ซึ่งจากตัวอย่างนี้คือ 200 บาท
- เมื่อได้กำไรครบ 200 บาท จะถือว่าครบ 1 รอบการเล่น ให้หยุดเล่นแล้วคำนวณยอดเงินทุนรวมใหม่อีกครั้ง
- จากเดิมยอดเงินทุนเริ่มต้นรวมคือ 1000 บาท ก็จะถูกปรับใหม่เป็นยอดเงินทุนรวมเริ่มต้นคือ 1200 บาท
- เริ่มต้นเดิมพันตาแรกของรอบใหม่โดยคำนวนเงินเดิมพัน 5% ใหม่อีกครั้ง
- จากยอดเงินเริ่มต้นรวมคือ 1200 บาท 5% จะเท่ากับ 60 บาท ดังนั้นตาแรกของรอบใหม่ให้ลงเงินเดิมพัน 60 บาท
- เมื่อได้กำไรครบ 20% อีกครั้ง คือ 240 บาท ให้จบรอบการเล่นที่ 2 แล้วคำนวณยอดเงินทุนรวมใหม่อีกครั้ง
- จากเดิมยอดเงินทุนเริ่มต้นรวมคือ 1200 บาท ก็จะถูกปรับใหม่เป็นยอดเงินทุนรวมเริ่มต้นคือ 1440 บาท แล้วก็คำนวณแบ่ง 5% ลงเดิมพันตาแรกใหม่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
* การเพิ่มเงินเดิมพันแบบอัตราส่วนทุนคงที่นั้น เมื่อเล่นในคาสิโนออนไลน์ ชิปที่มีมักจะไม่มีเศษเป็น 10 บาทให้เลือก ดังนั้นจึงต้องปรับสูตรตามความเหมาะสมของคาสิโนที่เล่นอีกครั้ง เช่น
ถ้าคาสิโนนั้นมีชิปราคา 25, 100, 500, 1000 และ 5000 บาท ก็สามารถปรับสัดส่วนเงินลงทุนได้ดังนี้
25, 50, 75, 100, 125, 150, 175, 200, 225
หรือก็คือเพิ่มไปทีละ 25 บาทตามมูลค่าของชิปที่ลงตัวกับเปอร์เซนต์การลงเดิมพันเรื่อยๆนั่นเอง
ซึ่งหากจะใช้สัดส่วนเงินเดิมพันที่มากกว่านี้ก็สามารถใช้สูตรคำนวณอัตราส่วนเงินลงเดิมพันได้ดังนี้
ทุนรวม = เงินเดิมพัน/5%
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบอัตราส่วนทุนคงที่นี้มีความเสี่ยงที่คงที่ค่อนข้างปลอดภัย และสามารถปรับอัตราส่วนการลงเดิมพันในแต่ละรอบได้ตามความเหมาะสมของยอดเงินลงทุนทั้งหมด เช่น เปลี่ยนเป็น 2%, 3% ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นต้น
สูตรแทงบาคาร่าแบบ 1324
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบ 1324 นี้มีความเสี่ยงที่ต่ำ เป็นการเล่นแบบแบกรับความเสี่ยงแค่ตาที่ 1 และตาที่ 2 เท่านั้น หากเดาทางไพ่ถูก หลังจากชนะติดกัน 2 ตาแล้ว ตาที่ 3 และ 4 จะเป็นการเอากำไรที่ได้จากตาที่ 1 และ 2 มาเล่น หากสามารถชนะติดกันทั้ง 4 ตาได้ ก็จะได้กำไรทั้งหมด 10 เท่า แต่สูตรการลงเงินเดิมพันแบบนี้นับเฉพาะเดิมพันฝั่งเจ้ามือชนะหรือผู้เล่นชนะเท่านั้น ไม่นับการออกผลเป็นเสมอกัน
โดยแบ่ง 1 รอบเป็น 4 ตา
- – ตาแรกลงเดิมพัน 1 หน่วย
- – ถ้าตาแรกชนะ ตาที่ 2 ลงเดิมพัน 3 หน่วย
- – ถ้าตาที่ 2 ชนะอีก ตาที่ 3 ลงเดิมพัน 2 หน่วย
- – ถ้าตาที่ 3 ชนะอีก ตาที่ 4 ลงเดิมพัน 4 หน่วย
- – ถ้าแพ้เมื่อไหร่ให้กลับไปเริ่มที่เงินเดิมพัน 1 หน่วยใหม่อีกครั้ง
- ถ้าชนะครบ 4 ตาแล้ว ก็กลับไปเริ่ม 1 ใหม่โดยที่มีกำไรไปแล้ว 10 เท่า
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบมาร์ติงเกล
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบมาร์ติงเกลนี้จะการันตีว่าอย่างน้อยคุณจะได้กำไร 1 หน่วยเงินเดิมพันที่คุณลงไว้แน่นอน ถ้าคุณไม่แพ้ติดต่อกันจนเงินสำรองหมดกระเป่า แต่มีข้อเสียคือถ้าเสียติดต่อกันก็จะต้องทุ่มเงินเดิมพันลงไปก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทุนไม่สูงจริงไม่ควรใช้
วิธีลงเงิน
- ลงพนันเริ่มต้นที่เงิน 1 หน่วย ตัวอย่างเช่น เริ่มที่ 100 บาท
- ถ้าชนะก็กลับมาเริ่มที่ 100 บาทใหม่อีกครั้ง
- หากเสีย ครั้งต่อไปให้เพิ่มเงินเดิมพันขึ้น 2 เท่า ในกรณีนี้คือ
– ตาที่ 2 ลงเงิน 200 บาท
– ตาที่ 3 ลงเงิน 400 บาท
– ตาที่ 4 ลงเงิน 800 บาท
– หากยังเสียต่อเนื่อง ตาต่อไปก็จะเพิ่มเป็น 1600, 3200, 6300 ไปเรื่อยๆ
หากชนะก่อนเงินสำรองหมดกระเป๋าก็จะได้กำไร 100 บาท หรือเท่ากับเงินทุน 1 หน่วยที่ลงไว้นั่นเอง สูตรการลงเงินแบบมาร์ติงเกลนี้จะใช้ได้ดีต่อเมื่อเรามีอัตราส่วนการชนะค่อนข้างสูง แพ้ติดต่อกันเพียงไม่กี่ตาเท่านั้น
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบซุปเปอร์มาร์ติงเกล
วิธีนี้พัฒนามาจากสูตรมาร์ติงเกลอีกทีหนึ่ง จากสูตรมาร์ติงเกลเดิมคือ หากชนะก่อนเงินสำรองหมดกระเป๋าได้ ก็จะได้กำไรเป็นเงินที่ลงทุน 1 หน่วยต่อหนึ่งรอบใช้งาน สูตรซุปเปอร์มาร์ติงเกลคือการเพิ่มเงินเดิมพันลงไปจากสูตรมาร์ติงเกลธรรมดาอีกตาละนิดหน่อยเพื่อให้ได้ผลกำไรกลับมาเมื่อชนะ แต่มีข้อเสียคือความเสี่ยงสูงมากกว่าสูตรมาร์ติงเกลธรรมดา และใช้เงินสำรองในการลงทุนเยอะกว่า
วิธีลงเงิน
ทำแบบเดียวกับสูตรมาร์ติงเกล คือ เริ่มลงเงินเดิมพันที่ 1 หน่วย หากชนะเมื่อไหร่ก็ถือว่าจบ 1 รอบพัน หากแพ้ก็ให้ลงเงินทบตามหน่วยมากกว่าแค่ 2 เท่าตามสูตรมาร์ติงเกลธรรมดาไปเรื่อยๆ ดังนี้
1, 3, 7, 15, 31, 63, 127, 255, 511, 1023, 2047, 4095 เป็นต้น
ตัวเลขข้างต้นนั่นคือสำหรับการแพ้ติดต่อกัน 10 ตา ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากแพ้ต่อเนื่องกันมากเข้า ก็จะใช้เงินสำรองที่สูงมาก หากแพ้ติดต่อกัน 10 ตาตามตัวอย่างที่ยกไว้ จะต้องใช้เงินเดิมพันรวมกันสูงกว่า 8100 หน่วยเลยทีเดียว
สูตรการลงเงินแบบเดลองเบ
สูตรนี้คล้ายกับสูตรการลงเงินแบบมาร์ติงเกล แต่จะแตกต่างกันที่ สูตรมาร์ติงเกลนั้นหากเสียจะเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าเรื่อยๆ แต่สูตรการลงเงินแบบเดลองเบคือการเพิ่มเงินเดิมพันขึ้นอีกเพียง 1 หน่วยในทุกครั้งที่แพ้ และเมื่อชนะก็ลดเงินเดิมพันจากตาปัจจุบันลงมา 1 หน่วย เช่น
- – ตาแรก ลงเงิน 1 หน่วย เช่น 10 บาท หากชนะ ถือว่าจบ 1 รอบ และเริ่มตาใหม่ที่ 10 บาท
- – หากตาแรกแพ้ ตาที่ 2 ลงเงินเป็น 20 บาท
- – หากตาที่ 2 แพ้อีก ลงเงินตาที่ 3 เป็น 30 บาท
- – หากตาที่ 3 แพ้อีก ลงเงินตาที่ 4 เป็น 40 บาท
- – หากตาที่ 4 ชนะบ้างแล้ว ตาที่ 5 ลดเงินเดิมพันลงเป็น 30 บาท
- – ถ้าตาที่ 5 ชนะ ตาที่ 6 ลดเงินเดิมพันลงมาอีกเป็น 20 บาท
- – ถ้าตาที่ 5 แพ้ ตาที่ 6 เพิ่มเงินเดิมพันอีก 10 บาท เป็น 40 บาท
– ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆได้จนกว่าเงินสำรองจะหมดกระเป๋า ความเสี่ยงและการใช้เงินจะน้อยกว่าสูตรการลงเงินแบบมาร์ติงเกล เหมาะสำหรับวันที่เรามีอัตราส่วนการชนะมากกว่าแพ้นิดหน่อยจะใช้สูตรนี้ได้ดีมาก
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบกรินด์
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบกรินด์นี้คือการเล่นแบบปลอดภัย กำไรน้อย แต่ถ้าไม่แพ้ติดต่อกันเยอะมากจริงๆจนเงินสำรองในกระเป๋าหมดก็จะไม่ขาดทุนเยอะ
แนวคิดหลักของสูตรการลงเงินเดิมพันแบบกรินด์คือดูยอดขาดทุนสะสม หากลงเงินแล้วได้กำไรจากรอบนั้นเมื่อไหร่ ให้เอากำไรเพียง 1 หน่วยเท่านั้น แต่หากมีการขาดทุนสะสมเกิน 2 หน่วยเมื่อไหร่ เมื่อชนะบ้างให้คุณเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 หน่วยจากเงินเดิมพันตาปัจจุบัน และเมื่อยอดขาดทุนสะสมหมดจนได้กำไรขึ้นมา 1 หน่วยก็จะจบรอบการเล่นนั้น ตัวอย่างเช่น
- หากเงินลงทุนตาแรก 1 หน่วยเท่ากับ 10 บาท
- ถ้าเสีย ยอดขาดทุนสะสมจะเท่ากับ -10 บาท ตาที่ 2 ให้ลงเงินเท่าเดิมก่อน คือ 10 บาท
- ถ้าตาที่ 2 เสียอีก ยอดขาดทุนสะสมจะเท่ากับ -20 บาท ตาที่ 3 ให้ลงเงินเท่าเดิม คือ 10 บาท
- ถ้าตาที่ 3 ชนะ ยอดขาดทุนสะสมจะเท่ากับ -10 บาท และเนื่องจากตานี้ชนะ ตาที่ 4 ก็ให้เพิ่มเงินเดิมพันเป็น 20 บาท
- ถ้าตาที่ 4 แพ้ ยอดขาดทุนสะสมจะเท่ากับ -30 บาท แต่เนื่องจากตานี้แพ้ ตาที่ 5 ก็ลงเดิมพันเท่าเดิมคือ 20 บาท
- ถ้าตาที่ 5 ชนะ ยอดขาดทุนสะสมจะเท่ากับ -10 บาท และตามกติกาของสูตรแบบกรินด์จะต้องเพิ่มเงินเดิมพันอีก 10 บาทเป็น 30 บาท แต่ถ้าเพิ่มไปแล้วหากตาต่อไปชนะ จากขาดทุน -10 บาทจะกลายเป็นกำไร 20 บาท ซึ่งขัดกับกติกาหลักของสูตรแบบกรินด์คือ ให้เอากำไรต่อ 1 รอบเพียง 1 หน่วยเท่านั้น ดังนั้นตาที่ 6 จึงต้องลงเดิมพันเพียงแค่ 20 บาทเท่าเดิม เผื่อชนะแล้วจะได้ไม่ขัดกับกติกาหลัก
- ถ้าตาที่ 6 ชนะ ยอดขาดทุนสะสมจะหมดไป กลายเป็นกำไรรวมเท่ากับ 10 บาท นับเป็นจบ 1 รอบการเล่นตามสูตรแบบกรินด์
- ตาที่ 7 ลงเงินเริ่มต้นใหม่ที่ 10 บาท
- สาเหตุที่ตาที่ 6 ไม่ลงเงินเดิมพันให้มากกว่านั้นเพราะว่าถ้าแพ้ต่อเนื่องไปอีก ก็จะทบยอดขาดทุนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ หากขาดทุนต่อไปอีกเพียง 2-3 ตา ก็ยากที่จะเล่นตามสูตรเดิมให้กลับมากำไรได้แล้ว จึงเป็นสูตรการเล่นที่ต้องใจเย็นและห้ามโลภ เพื่อรับประกันความเสี่ยงของเงินลงทุนของตัวเองอย่างเป็นระบบ ซึ่งสูตรการลงเงินเดิมพันแบบกรินด์จะใช้งานได้ดีที่สุดต่อเมื่อมีอัตราการชนะติดกันบ่อย
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบฟีโบนัคชี่ (Fibonacci)
การลงเงินเดิมพันด้วยสูตรแบบฟีโบนัคชี่นี้จะคล้ายกับสูตรการลงเงินเดิมพันแบบเดลองเบ คือถ้าชนะให้ลดเงินเดิมพันลงมา 1 หน่วย หากแพ้ก็ให้เพิ่มเงินเดิมพันไปอีก 1 หน่วย แต่จะแตกต่างกันตรงที่สูตรแบบฟีโบนัคชี่หากแพ้จะไม่เพิ่มเงินเดิมพัน 1 หน่วย แต่จะเพิ่มโดยอิงตามความสัมพันธ์ของตัวเลขทางในคณิตศาสตร์นั่นคือ ตัวเลขฟีโบนัคชี่
หากเขียนตัวเลขฟีโบนัคชี่ตามลำดับออกมา 10 ชุดก็จะได้ตามนี้
1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55
จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของชุดตัวเลขนี้ตั้งแต่ลำดับที่ 3 คือการเอาตัวเลข 2 ตัวข้างหน้าของมันมาบวกกัน จะได้เท่ากับตัวเลขในลำดับปัจจุบัน หากเล่นแล้วตาปัจจุบันนั้นแพ้ ให้ขยับไปลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับทางขวา 1 ลำดับ แต่ถ้าชนะให้ขยับมาลงเดิมพันด้วยตัวเลขที่อยู่ทางซ้าย 2 ลำดับจากตัวเลขปัจจุบัน
ตัวอย่างการลงเงินตามสูตรการลงเงินแบบฟีโบนัคชี่คือ
- ตาแรก ลงเงิน 1 บาท ถ้าชนะก็จะมีกำไรสะสม 1 บาท
- ตาที่ 2 ลงเงิน 1 บาท เพราะตาที่แล้วชนะ และตัวเลขปัจจุบันคือลำดับซ้ายสุดแล้ว ถ้าชนะก็จะมีกำไรสะสมเท่ากับ 2 บาท
- ตาที่ 3 ถ้าแพ้ กำไรสะสมจะเหลือ 1 บาท และตาถัดไปให้ขยับไปเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข1
- ตาที่ 4 ลงเงินเดิมพัน 1 บาท ถ้าแพ้อีก กำไรสะสมจะเหลือ 0 บาท และตาต่อไปก็ลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข2
- ตาที่ 5 ลงเดิมพัน 2 บาท ถ้าแพ้อีก ยอดขาดทุนรวมจะเท่ากับ -2 บาท และตาต่อไปก็ลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข3
- ตาที่ 6 ลงเดิมพัน 3 บาท ถ้าแพ้อีก ยอดขาดทุนรวมจะเท่ากับ -5 บาท และตาต่อไปก็ลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข5
- ตาที่ 7 ลงเดิมพัน 5 บาท ถ้าแพ้อีก ยอดขาดทุนรวมจะเท่ากับ -10 บาท และตาต่อไปก็ลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข8
- ตาที่ 8 ลงเดิมพัน 8 บาท ถ้าชนะ ยอดขาดทุนรวมจะเท่ากับ -2 บาท และเพราะตานี้ชนะ ตาต่อไปก็ต้องลงเดิมพันด้วยตัวเลข 2 ลำดับข้างหน้าทางด้านซ้าย คือ เลข3
- ตาที่ 9 ลงเดิมพัน 3 บาท ถ้าแพ้ ยอดขาดทุนรวมจะเท่ากับ -5 บาท และเพราะตานี้แพ้ ตาต่อไปก็ลงเดิมพันด้วยตัวเลขลำดับถัดไปทางขวา คือ เลข5
- ตาถัดไปก็ทำตามสูตรแพ้-ชนะแบบเดิมไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีกำไรสะสม จึงถือว่าจบ 1 รอบการเล่น ซึ่งสูตรการลงเงินแบบฟีโบนัคชี่นี้จะใช้งานได้ดีก็ต่อเมื่อชนะติดกันบ่อยๆ สูตรแบบฟีโบนัคชี่จะให้กำไรได้ค่อนข้างเสถียร ได้ช้าๆ ไม่เยอะ แต่ความเสี่ยงที่จะเสียเงินลงทุนก้อนใหญ่จะน้อยมาก เป็นวิธีการลงทุนเล่นแบบกลางๆ ได้ไม่มาก และเสียไม่มาก
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบพาราลี
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบพาราลีนั้นเป็นการใช้ความฮึกเหิมในการเล่นโดยใช้เงินลงทุนเพิ่มเพื่อหวังกำไรจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะตรงกันข้ามกับสูตรการลงเงินเดิมพันแบบมาร์ติงเกลที่จะใช้ความกลัวและใช้เงินจำนวนมากขึ้นเพื่อหวังให้ขาดทุนน้อยลง
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบพาลาลีนั้นจะตรงข้ามกับสูตรการลงเงินเดิมพันแบบมาร์ติงเกล คือ
- เริ่มลงเงินเดิมพันที่ 1 หน่วย
- ถ้าชนะให้เพิ่มเงินเดิมพันขึ้นเป็น 2 เท่า และเมื่อชนะติดกันครบ 3 ครั้ง ถือว่าจบ 1 รอบการเล่น
- แต่ถ้าตานั้นแพ้ขึ้นมาให้กลับไปเริ่มลงเงินเดิมพันที่ 1 หน่วยใหม่อีกครั้ง
- ถ้าจบรอบการเล่นแบบชนะติดกันทั้ง 3 ครั้ง จะได้กำไรทั้งหมด 7 หน่วย แต่ถ้าจบแบบแพ้ก็จะเสียเงินเดิมพันเพียงแค่ 1 หน่วย
แม้ว่าจะมีกำไร 7 เท่าเป็นตัวล่อใจ และถ้าแพ้รอบนั้นจะเสียแค่ 1 หน่วยก็ตาม แต่โอกาสในการชนะ 3 ตาติดก็มีไม่บ่อย และหากจะใช้สูตรการลงเงินแบบพาราลีแบบได้ผลดีที่สุดคือต้องชนะติดต่อกันบ่อยๆ จึงจะเห็นผลกำไรได้อย่างชัดเจน ถ้าแพ้บ่อยๆ ยอดขาดทุนสะสมต่อเนื่องโดยรวมแล้วอาจจะทำให้ใช้สูตรการลงเงินแบบพาราลีได้ไม่คุ้มก็ได้ แต่ถ้าในกรณีแพ้ที่ติดกันเยอะๆแล้ว สูตรการลงเงินแบบพาราลีจะทำให้ขาดทุนน้อยกว่าสูตรการลงเงินแบบมาร์ติงเกลมาก ความเสี่ยงในการใช้สูตรแบบพาราลีจึงน้อยกว่าสูตรแบบมาร์ติงเกลมาก
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบลาบูเชอร์
สูตรการลงเงินเดิมพันแบบลาบูเชอร์นี้เป็นสูตรเล่นบาคาร่าให้ไช้ฟรี เป็นวิทยาทานเหมาะสำหรับเกมคาสิโนที่เป็นประเภทที่มีโอกาสชนะแบบ 50:50 ซึ่งสูตรการลงเงินเดิมพันแบบนี้ความเสี่ยงจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผลกำไรที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ถ้าตั้งผลกำไรไว้สูงก็จะใช้เงินลงทุนสูงและความเสี่ยงสูงตามไปด้วย เหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์ในการเล่นเกมพนันที่ค่อนข้างสูงและมีเงินทุนสำรองค่อนข้างสูง
การเริ่มต้นใช้สูตรการลงเงินเดิมพันแบบลาบูเชอร์นั้นต้องตั้งเป้าหมายกำไรเอาไว้ก่อนว่าต้องการเท่าไหร่ เช่น วันนี้ต้องการกำไร 15 บาท ก็ให้แบ่งตัวเลข 15 บาทนี้ออกเป็นเลขย่อยไม่เกิน 10 ชุด เรียงลำดับจากน้อยไปหามาก โดยที่ผลรวมของตัวเลขทุกชุดที่แบ่งไว้จะต้องเท่ากับ 15 เช่น
1, 2, 3, 4 และ 5
- ตาแรก ให้เอาตัวเลขตัวแรกสุดมาบวกกับตัวเลขตัวท้ายสุด นั่นคือ 1+5 = 6 แล้วนำตัวเลขนี้มาเป็นเงินเดิมพันสำหรับตาแรก เท่ากับตาแรกลงเงินเดิมพัน 6 บาท
- เมื่อใช้ตัวเลข 1 กับ 5 ไปแล้ว ให้นำเลข 1 กับ 5 นั้นออกจากชุดตัวเลขที่มี เท่ากับชุดตัวเลขของเราจะเหลือแค่ 2, 3 และ 4
- หากตาแรกชนะ ตาที่ 2 ให้นำตัวเลขที่เหลือตัวแรกสุดมาบวกกับตัวเลขท้ายสุดอีกครั้ง นั่นคือ 2+4 = 6 แล้วนำตัวเลขนี้มาเป็นเงินเดิมพันสำหรับตาที่ 2 เท่ากับตาที่ 2 นี้ให้ลงเงินเดิมพัน 6 บาท
- หากแพ้ตั้งแต่ตาแรก ให้นำผลรวมตัวเลขที่นำมาลงเดิมพันในตาแรกนี้ไปใส่ไว้ลำดับท้ายสุดของชุดตัวเลข นั่นคือ ชุดตัวเลขใหม่จะกลายเป็น 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
- ตาถัดไปก็เอาตัวเลขตัวแรกสุดมาบวกกับตัวเลขตัวท้ายสุดของชุดตัวเลขใหม่ นั่นคือ 1+6 = 7 แล้วนำตัวเลขนี้มาเป็นเงินเดิมพันในตานี้ คือ 7 บาท เป็นต้น
ซึ่งวิธีการลงเงินเดิมพันแบบลาบูเชอร์นี้ ถ้าชนะบ่อยจะทำให้ได้รับกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เร็ว และหากต้องการลดความเสี่ยงลงอีกนิดหน่อยโดยที่อยากได้ผลกำไรเป้าหมายเท่าเดิม ก็สามารถทำได้โดยการเพิ่มจำนวนชุดตัวเลขให้มากขึ้น ปรับมูลค่าของตัวเลขให้น้อยลง
จากตัวอย่างเดิมคือ 1, 2, 3, 4 และ 5 ก็อาจจะปรับได้เป็น 1, 1, 2, 2, 3, 3, 3 ซึ่งก็จะรวมกันได้ 15 เท่าเดิม แต่ก็จะทำให้ได้รับกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ช้าลง เพราะมูลค่าของตัวเลขนั้นน้อยลง แต่ก็เป็นการกระจายความเสี่ยง ทำให้ความผันผวนของมูลค่าเงินเดิมพันลดลงด้วยเช่นกัน
สูตรการเลือกฝั่งเดิมพัน
ในการเลือกฝั่งเดิมพันนั้นโดยทั่วไปแล้วแต่ละห้องมักจะมีจังหวะที่นักพนันที่มีประสบการณ์มักใช้ประโยชน์ในการออกไพ่ของแต่ละคาสิโนให้เป็นประโยชน์ ซึ่งแต่ละคาสิโนหรือแต่ละห้องนั้นมักจะมีรูปแบบการออกไพ่ที่แตกต่างกัน แต่มักจะวนอยู่ไม่กี่รูปแบบซึ่งนักพนันที่มีประสบการณ์จะจับเทคนิคในการเลือกข้างเดิมพันได้ โดยสรุปออกมาเป็นสูตรต่างๆเพื่อให้อ่านจังหวะของห้องนั้นและเลือกฝั่งเดิมพันตามสูตรได้ดังนี้
สูตรเลือกฝั่งเดิมพันแบบปิงปอง
คือจังหวะที่ผู้ชนะในแต่ละตาสลับกันไปเรื่อยๆระหว่างเจ้ามือ (Banker’s) และผู้เล่น (Player’s) หากออกสลับกันครบ 3 รอบแล้ว รอบถัดไปมักจะเป็นการออกสลับตามเดิม ให้ลงเดิมพันสลับไป สลับมาได้เรื่อยๆเหมือนการกระเด้งของลูกปิงปอง จนกว่าจะมีการออกซ้ำกันอีกครั้ง
สูตรเลือกฝั่งเดิมพันแบบมังกรแบบที่ 1
สูตรนี้เหมาะสำหรับคนใจเย็นและรอจังหวะในการเล่น โดยการดูว่าเมื่อไหร่ที่ไพ่ออกฝั่งเจ้ามือติดกัน 3 ครั้ง และสลับไปออกฝั่งผู้เล่น 1 ครั้ง จากนั้นออกฝั่งเจ้ามืออีก 3 ครั้ง และสลับกลับไปออกฝั่งผู้เล่นอีก 1 ครั้ง หลังจากจังหวะนี้ออกมาให้ตามเดิมพันฝั่งเจ้ามือได้เลย เพราะโอกาสที่จะออกฝั่งเจ้ามือนั้นสูงกว่า 70%
สูตรเลือกฝั่งเดิมพันแบบมังกรแบบที่ 2
สูตรเลือกฝั่งเดิมพันแบบมังกรแบบที่ 2 นี้เป็นอีกลักษณะหนึ่งในการอ่านไพ่ที่ชอบออกติดกัน โดยนักพนันจะดูจังหวะที่ไพ่ออกฝั่งเจ้ามือติดกันแล้ว 3 ตา โอกาสที่จะออกฝั่งเจ้ามือซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 4 จะมีสูงเช่นกัน โดยเฉพาะหากห้องไหนเคยออกฝั่งเจ้ามือ 4 ตามาแล้วหลายครั้ง โอกาสที่จะออกติดกันซ้ำยาวๆหลายตาก็จะยิ่งสูงขึ้นอีก ซึ่งในบางห้องอาจจะออกติดกันได้เกิน 6 ครั้งเลยทีเดียว
สูตรบาคาร่า 5 ตาติด
สูตรบาคาร่า 5 ตาติดนี้จะมีโอกาสออกมาให้ใช้ค่อนข้างน้อย แต่เมื่อไหร่ที่จังหวะนี้ออกมา โอกาสที่จะชนะจากสูตรบาคาร่า 5 ตาติดนี้มีเกือบ 100% เลยทีเดียว นั่นคือเมื่อไหร่ที่ไพ่ออกฝั่งผู้เล่นชนะ 5 ตาติดกันเมื่อไหร่ ตาที่ 6 มักจะออกฝั่งเจ้ามือ
สูตรไพ่บาคาร่า 30 ใบ
สูตรไพ่บาคาร่า 30 ใบนี้เหมาะสมสำหรับนักพนันที่ชอบการวิเคราะห์ จำไพ่ที่ออกไปแล้ว และอ่านไพ่ที่เหลืออยู่ว่าน่าจะออกอะไรที่ฝั่งไห โดยสูตรนี้ ถ้าไม่อยากรอให้ไพ่ในห้องนั้นเหลือน้อย ให้ไปหาห้องที่ไพ่ออกไปแล้วเกิน 30 ใบ ในกองไพ่จะเหลืออยู่เพียง 22 ใบ ทำให้วิเคราะห์ คาดเดาไพ่ที่จะออกมาได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ในการเล่นจริงนั้น เมื่อคุณเล่นที่ผู้บริการไหนเป็นประจำแล้วคุณจะเริ่มเห็นรูปแบบของการออกไพ่ของผู้ให้บริการนั้น และสามารถเลือกห้องที่จะเข้าไปเล่นให้เหมาะสมกับสูตรที่คุณจะเลือกใช้ได้
ในการเลือกใช้แต่ละสูตรนั้น คุณสามารถใช้สูตรการเลือกฝั่งเดิมพันควบคู่ไปกับสูตรการลงเงินเดิมพันได้เพื่อผลกำไรที่ดีขึ้น หรือความเสี่ยงในการขาดทุนที่น้อยลงตามสถานการณ์ ซึ่งสูตรทั้งหลายที่ได้กล่าวมานั้นไม่ใช่สิ่งตายตัว คุณสามารถประยุกต์ พลิกแพลงสูตรต่างๆเหล่านั้นให้เข้ากับรูปแบบการเดิมพันของคุณหรือของห้องที่เลือกเข้าไปเล่นได้ เพื่อผลกำไรที่ดีขึ้นของตัวคุณเอง
แหล่งอ้างอิง
https://www.baccarat.net/strategy/