-
Suited Connectors คือ ไพ่เริ่มต้นที่มีดอกเดียวกันและเรียงกัน เช่น 8h9h ซึ่งเป็นไพ่ที่ดีและมีโอกาสสูงมากในการสร้าง big pot (เงินกองกลางจำนวนมาก) เพราะ Suited connectors มีโอกาสเป็นได้ทั้ง straight , flush หรือแม้แต่ straight flush ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นผู้ชนะและได้รับผลกำไรอย่างมหาศาล แต่ Suited Connectors ก็ไม่ใช่ไพ่ที่ดีเสมอไป มันต้องใช้องค์ประกอบรวมที่สมบูรณ์แบบ เช่น ตำแหน่งของผู้เล่น และจำนวนเงินหน้าตัก ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เราเสียหนัก ๆ ได้ การดูไพ่ Suited Connectors วิธีการเล่นด้วย suited connectors ที่ดีคือคุณต้องมองสถานการณ์ให้ออก ว่าจะสามารถสร้าง pot ได้ใหญ่แค่ไหน ต้องเล่นเมื่อไหร่ เล่นแบบไหน เพราะหากเล่นไม่ดีก็อาจจะทำให้คุณเสียหายและเจ็บหนักได้ แม้ว่าคุณจะมีเปอร์เซ็นต์ที่จะติด straight หรือ flush สูงมากก็ตาม โดยวิธีที่เหมาะสมในเกมระยะสั้นคือ การเล่นอย่างดุดัน (Tight Aggressive) ไม่ควรเล่นด้วยการ limp (จ่ายนิดหน่อย) อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมนึกถึงตำแหน่งที่คุณอยู่ด้วย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าจะจัดการกับมือ suited connectors อย่างไรดี เพราะตำแหน่งของผู้เล่นเป็นสิ่งสำคัญมากในการเล่นโป๊กเกอร์…
Jul 19, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
การแพ้เกมโป๊กเกอร์เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าผู้เล่นจะเก่งแค่ไหนล้วนต้องเจอ แต่เมื่อคุณถึงจุดที่เสียเกินที่คิดไว้ คุณจะเริ่มสับสนและคิดว่าควรไปต่อหรือหยุดเล่น การที่กำหนด Loss Limit นั้นสามารถตอบปัญหาพวกนี้ได้ Loss Limit คือ การกำหนดวงเงินสูงสุดที่เสียได้ในการเล่นโป๊กเกอร์ เนื่องจากการเล่นโป๊กเกอร์ที่ดีนั้น มีแค่การจัดการ bankroll อย่างเดียวไม่พอ คุณควรมีการกำหนด loss Limit เอาไว้ด้วย เพราะคุณจะได้ไม่เจ็บตัวมากนักเมื่อเล่นเสีย อีกทั้งยังลดความเสี่ยงที่จะล้มละลายได้ ข้อดีของ Loss Limit ออกจากสถานการณ์ที่คุณเสียเงินอย่างต่อเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกโต๊ะเพื่อเล่นมีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้คุณได้กำไรมากน้อยแค่ไหน หรือเสียไปตลอด ซึ่งถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนั้น การกำหนดวงเงินสูงสุดที่คุณจะเสียได้ จะช่วยให้คุณออกจากโต๊ะที่ไม่ทำกำไรให้คุณ ในขณะที่โต๊ะอื่นทำกำไรได้เช่นนั้นคุณควรออกจากโต๊ะนั้นและเล่นที่โต๊ะใหม่ ปกป้องผลกำไรของคุณด้วย Loss Limit เมื่อคุณทำกำไรได้แล้ว คุณควรรีเซ็ต loss limit ของคุณ หากคุณกำหนดวงเงินสูงสุดที่คุณจะเสียได้ไว้ที่ 5,000 บาท แต่คุณชนะด้วย 3,500 บาท ตั้งแต่เริ่มต้น คุณควรกำหนด loss limit ในรอบใหม่เป็น 1,500 บาท อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องรีเซ็ต loss limit ของคุณในทุก ๆ pot เมื่อกำไรคุณถึงที่คาดหวังแล้ว คุณควรปรับแผนตามความเหมาะสม ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะสูญเสียกำไรได้ง่าย ๆ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจออกจากโต๊ะ…
Jul 14, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
Bankroll คือ เงินทุนจำนวนหนึ่งที่เอาไว้สำหรับเล่นโป๊กเกอร์โดยเฉพาะ และ bankroll management (BRM) คือการจัดการจำนวนเงินที่เรานำไปเล่นโป๊กเกอร์ในแต่ละครั้งให้ได้ผลดีมากที่สุด สิ่งที่สำคัญในการจัดการ bankroll ในเกมโป๊กเกอร์ คือการที่เราควบคุมจำนวนเงินที่ใช้เล่นโป๊กเกอร์ไม่ให้เกินที่มีอยู่ใน bankroll เพื่อไม่ให้ผู้เล่นเกิดความล้มเหลวทางการเงิน ปัจจัยในการกำหนดขนาดของ Bankroll การฝึกการจัดการ bankroll ในเกมโป๊กเกอร์ที่ดี ควรตระหนักก่อนว่า ต้องกำหนดจำนวนเงิน bankroll อย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งจำนวนที่เหมาะสมก็มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาด้วยกัน ดังนี้ 1. ประเภทของเกม การเลือกขนาด bankroll ของคุณ ขึ้นอยู่กับเกมที่คุณเลือกเล่น เนื่องจาก tournament มีความแปรปรวนสูงกว่าเกมเงินสดมาก ซึ่งทำให้มีความผันผวนสูงใน bankroll ของคุณเช่นกัน ดังนั้นเกม tournament ควรจะมี bankroll ขนาดใหญ่กว่าเกมเงินสด 2. ความสามารถของคุณ ขนาดของ bankroll ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นนักเล่นโป๊กเกอร์ที่ดีแค่ไหน ผู้เล่นแบบ loose (เล่นไพ่กว้าง, หลากหลาย) จะพบความแปรปรวนที่สูงกว่าผู้เล่นแบบ tight (สไตล์การเล่นไม่หลากหลาย) ผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งจะพบความแปรปรวนน้อยกว่าผู้เล่นที่ไม่เสถียร และประเภทของผู้เล่นที่คุณเล่นด้วย สไตล์การเล่น และความสามารถของคู่ต่อสู้ ก็ส่งผลต่อความแปรปรวนของคุณเช่นกัน เคล็ดลับบริหาร poker bankroll ที่ต้องรู้ 1. แยกการเงินส่วนบุคคลและการเงินของโป๊กเกอร์…
Jul 08, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
bet size หรือจำนวนเงินที่ใช้ในการลงเดิมพัน ซึ่งการเลือก bet size ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถทำเงินได้มากขึ้น หรือช่วยให้เสียในจำนวนที่ไม่เยอะเกินไป เพราะการเลือกขนาดเดิมพันที่เหมาะสมอาจจะหลอกล่อให้คู่แข่งเล่นตามมาด้วยไพ่ที่ไม่ได้ดีมากนั่นเอง จะรู้ได้ยังไงว่าต้องเลือก bet size เท่าไหร่ ? ก่อนจะได้รู้ขนาดของ bet size ที่ดี ต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และจะ bet เพื่ออะไร? ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ 1. bet เพื่อทำกำไร คุณจะ bet เพื่อกำไรเมื่อคุณคิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่ที่ดีที่สุดอยู่ และคิดว่าคู่ต่อสู้จะ call ด้วยไพ่ที่แย่กว่าคุณ (ซึ่งการที่จะรู้ว่าไพ่ตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน ต้องใช้เวลาฝึกฝน) สิ่งสำคัญในการเดิมพันเพื่อกำไร คือ คู่ต่อสู้ call ตามมาโดยไม่คำนึงว่าตัวเองมีไพ่แย่กว่าคุณหรือเปล่า การที่เราทำให้เขา call ตามมาด้วยไพ่ที่มีโอกาสชนะน้อยกว่าเรานั้นถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว 2. bet เพื่อบลัฟ bet เพื่อบลัฟ เพราะเราคิดว่าตัวเองถือไพ่ที่แย่ที่สุดอยู่ แต่จะทำให้อีกฝ่ายหมอบไพ่ที่ดีกว่าเราได้ bet เพื่อบลัฟต้องอาศัยทักษะมากกว่าการ bet เพื่อทำกำไร ซึ่งเราต้องทำให้คู่ต่อสู้เชื่อว่าเรามีไพ่ที่ดีจนต้องยอมหมอบ ทั้ง ๆ ที่ไพ่เราอาจจะแย่กว่า และเราจะได้เงินทุกครั้งถ้าคู่ต่อสู้หลงกลเรา…
Jul 06, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
เทคนิค Slowplay หรือเรียกว่า sandbagging, trapping เป็นแนวทางการเล่นโป๊กเกอร์ ที่จะทำให้คู่แข่งคิดว่าไพ่ที่เราถือไม่แข็งแกร่ง (แต่ความเป็นจริงแล้วแข็งแกร่ง) โดยมีเป้าหมายหลักคือทำให้คู่แข่งลง pot หรือ bet มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่ถ้าหากคู่ต่อสู้เป็นประเภท tight (bet, raise หนัก ๆ) การใช้เทคนิคนี้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร การ slowplay ถือเป็นการเล่นอย่างหนึ่งเมื่อเราได้ไพ่ hand ที่คิดว่าแข็งแกร่ง หรือค่อนข้างแข็งแกร่ง ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วการได้ hand กลุ่มนี้เราจะต้องทำการ bet สูง ๆ มากกว่าเพียงแค่ check ในแต่ละตา แต่จุดประสงค์ที่เราไม่ลงเดิมพันก็เพื่อ trap เพื่อคุมเงินในกองกลางของเกมไม่ให้ใหญ่เกินไปทำให้เราไม่เสียเงินเยอะ ขณะที่ถ้าเป็น hand ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อาจจะไม่ได้แข็งแกร่ง มาก เราก็ถือโอกาสดูว่าคู่แข่งจะออกมาในลักษณะไหน หากคู่แข่งมี ตัวคุม ใหญ่กว่า หรือ hand ที่แข็งแกร่ง กว่าเราจะตั้งหลักได้ทันไม่ bet สูง ๆ เกินไปทำ slowplay ไว้ใช้ในบางสถานการณ์เพื่อให้คู่แข่งเดาใจเราไม่ออกด้วยนั่นเอง ประโยชน์ของการใช้เทคนิค slowplay เรามีโอกาสได้และเป็นต่อในเกมมากขึ้น หากไพ่เราแข็งแกร่งมาก และเรา bet ตลอดทุกรอบการเล่น…
Jun 24, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
ก่อนที่โป๊กเกอร์เท็กซัสจะเริ่มต้นอู้ฟู่นั้น เมื่อสองสามปีที่ผ่านมารูปเเบบโป๊กเกอร์ในสหรัฐอเมริกายอดนิยมที่ได้รับกระเเสตอบรับจากนักพนันมากที่สุดก็คือ โป๊กเกอร์ “เจ็ดใบ” ซึ่งโป๊กเกอร์เป็นเกมที่สามารถเล่นได้เเบบเป็นทีม ซึ่งใช้ผู้เล่นสอง ถึงเเปดคน โดยความเเตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่าง ไพ่สตั๊ดเจ็ดใบ เเละไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็ม หรือ ที่สายพนันรู้จักอย่างคุ้นหูในชื่อ โอมาฮา นั่นเอง ไพ่สตั๊ดเจ็ดใบนั้นจะมีวิธีการที่ไม่ยุ่งยากในการจบเกม เเละโดยส่วนใหญ่เเล้ว ไพ่สตั๊ดนั้นจะไม่ได้ยุ่งยากมากมายเท่ากับไพ่เเบบอื่น ๆ ถนนสายที่สาม ดังที่คุณเห็นในภาพด้านบนในการเริ่มต้นเล่นเกมไพ่สตั๊ดนั้น เเต่ละมือผู้เล่นจะได้รับไพ่สองใบเเรกคว่ำหน้าลง เเละไพ่ใบที่สามหงายขึ้น ซึ่งเราจะเรียกการวางไพ่ในรูปเเบบนี้ว่า ถนนสายที่สาม โดยไพ่สองใบที่คว่ำหน้า เรียกว่า “ไพ่หลุม” เเละไพ่ที่หงายหน้า เรียกว่า “ไพ่ประตู” จากไพ่สามใบนี้เราจะต้องตัดสินใจว่าจะเล่นต่อในมือผู้เล่นหรือไม่ เช่นเดียวกับในรูปเเบบของความเเปรปรวนของโป๊กเกอร์ สำหรับการเล่นโป๊กเกอร์ การเลือกไพ่เจ็ดใบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้เล่นเเต่ละคนจะได้รับไพ่ทั้งหมดเจ็ดใบ โดยไพ่สามใบจะคว่ำหน้า เเละไพ่สี่ใบจะหงายหน้า จากไพ่ทั้งเจ็ดใบนี้ ผู้เล่นจะต้องเลือกไพ่ที่ดีที่สุดห้าใบด้วยกัน การจัดอันดับมือในการเดิมพันนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับไพ่เท็กซัสโฮลเอ็ม หรือโอมาฮา โดยรอยัลฟลัชนั้น เป็นมือที่ดีที่สุด เเละมือที่เเย่ที่สุดคือ ไพ่สูง หรือไม่มีคู่นั่นเอง จำนวนการนำเข้า เเละ การเดิมพัน ในขณะที่ผู้เล่นโดนยัดเยียดให้เดิมพันในไพ่เท็กซัสโฮลเอ็ม เเละโป๊กเกอร์ โอมาฮา จำนวนในการเดิมพันที่ผู้เล่นต้องวางเดิมพัน โดยผู้เล่นทุกคนก่อนที่จะได้รับไพ่ใด ๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อนึกถึงเกมไพ่เจ็ดใบที่มีมูลค่า $ 10 / $…
Jan 28, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
Continuation bet หรือ c-bet เป็นหนึ่งในเทคนิคการเล่นโป๊กเกอร์ ที่ใช้งานง่ายเหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ เนื่องเป็นเทคนิคที่ไม่ยุ่งยากเน้นการอ่านผู้เล่นคนอื่นให้เป็นและประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากไพ่โป๊กเกอร์ได้ง่าย ๆ ซึ่งเทคนิคการเล่นนี้จะใช้งานง่ายกว่าเทคนิค Tight Aggressive (TAG) โดยเทคนิคการเล่นแบบ continuation bet นี้หากลองสังเกตผู้เล่นหลาย ๆ คนในโต๊ะเล่นโป๊กเกอร์เทคนิคนี้จะถูกนำมาใช้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่การชิงลงมือก่อนจะสร้างโอกาสให้ผู้เล่นเอาชนะได้มากขึ้น ในส่วนนี้คือต้องชิงไหวชิงพริบกับผู้เล่นคนอื่นอยู่พอสมควร ทำไมถึงต้องเทคนิค continuation bet การใส่เงินกองกลางเพิ่มเมื่อเห็นไพ่กองกลาง หรือที่เรียกว่า Rive Preflop ไม่ว่าไพ่กองกลางจะเข้าหรือยังไม่เข้าก็ตาม ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ รู้สึกกลัวไพ่ในมือของเรา เพราะเขาจะคิดว่าไพ่ในมือของเราต้องเข้ากับไพ่กองกลางอย่างแน่นอน เราจึงเลือกที่จะเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไปแม้ว่าไพ่จะเพิ่งเปิดออกมาแค่ 3 ใบก็ตาม ผู้เล่นก็จะเลือกหมอบหนีเราไปหรือบางคนอาจจะเลือกตามมาแต่ก็จะหมอบไปเองในที่สุด หากผู้เล่นนั้น ๆ ไม่มั่นใจในไพ่และเห็นว่าไพ่ไม่สามารถพัฒนาไปต่อได้ เราก็จะได้เงินทั้งหมดจากการเล่นเดิมพันรอบนี้ เทคนิค continuation bet เหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่าย แต่ในความจริงสำหรับนักเล่นโป๊กเกอร์ทุกคนย่อมรู้ว่าไม่มีเทคนิคไหนง่ายโดยแท้จริง เพราะเราไม่ได้เล่นคนเดียวแต่ยังต้องสู้กับผู้เล่นอื่นที่อาจจะรู้เทคนิคเหมือนเราอีกด้วย ทำให้ผู้เล่นต้องศึกษาถึงองค์ประกอบในการใช้เทคนิคนี้อยู่อีกพอสมควร เช่น เงินเดิมพัน เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองผ่าน ความเหมาะสมในการเดิมพันต่อเนื่องคืออัตราส่วนที่ดีที่สุดในการ Bet คือ 2/3 หรือ 3/4 ของเงินกองกลางเท่านั้น เช่น หาก Pot (เงินกองกลาง)…
Jan 04, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
Free card หรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือการดูไพ่ใบต่อไปโดยที่ไม่ต้องเสียอะไร จะแบ่งเป็น 2 กรณีคือเราใช้และเราเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ใช้ โดยเหตุผลที่เราควรใช้เทคนิคนี้ในการเล่นหรือปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้ free card ก็เพื่อให้เราใช้เงินทุนให้น้อยที่สุดในการเล่นเดิมพันและเพื่อทำเงินให้ได้มากที่สุด เทคนิคนี้นิยมนำไปใช้ร่วมกับการ check raise และ semi bluff แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับไพ่ในมือเช่นเดียวกันว่าควรจะนำไปประยุกต์ใช้กับเทคนิคการเล่นแบบไหนถึงจะดีที่สุด จุดเด่นของเทคนิค Free card เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ช่วยให้เราสามารถเซฟเงินของเราได้พอสมควร เพราะเราจะใช้เงินทำการ Bet หลังจาก Free card ไม่ได้ใช้เพื่อเริ่มเล่นเหมือนหลาย ๆ เทคนิคเราสามารถปกปิดพลังของไพ่ในมือของเราได้ ทำให้คู่ต่อสู้ยังไม่แน่ใจว่าเราถือไพ่ประมาณไหนและการทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าเราไม่ทางสู้เข้าได้ในช่วงแรกนั้น ทำให้เราได้ทั้งเงินและได้ซ่อนไพ่ที่ดีของเราเอาไว้คว้าชัยชนะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทำให้เรามีโอกาสชนะการเดิมพันจากการนำไพ่ไปเล่นกับไพ่กองกลาง เมื่อเราใช้เทคนิคนี้เราก็จะได้ดูไพ่แบบฟรี ๆ เมื่อไพ่กองกลางเปิดออกมาเราก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่ามันเข้าหรือไม่เข้ากับไพ่ของเรา ถ้าไพ่มันเข้ากันได้เป็นอย่างดีโอกาสชนะก็อยู่ในมือเราแบบใส ๆ แต่ถ้าไพ่ดูแล้วไปไหนต่อไม่ได้เราก็แค่หมอบไพ่ไปโดยไม่ต้องเสียอะไร สิ่งที่เราหวังเมื่อใช้เทคนิค Free card ทุกครั้งที่เรานำเทคนิคการเล่นต่างๆ มาใช้ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ มันจะต้องมีสิ่งที่เราหวังเอาไว้ เพื่อให้การใช้เทคนิคสมบูรณ์แบบและได้ผลมากที่สุด การใช้เทคนิค Free card ก็เช่นเดียวกัน โดยสิ่งที่เราหวังมากที่สุดคือคู่ต่อสู้ check ตามเรามา นั้นหมายความเราจะได้ดูไพ่แบบฟรี ๆ โดยที่ยังไม่ต้องเสียอะไร แต่มันจะได้ผลก็ต่อเมื่อเราได้ check ก่อนเท่านั้น แต่หากคู่ต่อสู้ Bet ใส่เราหลังจากเรา check…
Jan 04, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
สไตล์การเล่นก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์นอกเหนือไปจากการใช้สมองและความมีไหวพริบ ซึ่งสไตล์ Tight Aggressive หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า TAG ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยผู้เล่นแต่ละคนก็จะมีสไตล์การเล่นเดิมพันที่ต่างกันออกไป ทำให้ผลของการเล่นเดิมพันแพ้ชนะจึงแตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน แต่สำหรับผู้เล่นที่อยากจะชนะการเล่นเดิมพันไพ่โป๊กเกอร์ให้ได้อยู่เสมอ จำเป็นต้องเรียนรู้สไตล์การเล่นที่ระดับมืออาชีพนิยมใช้กันซึ่งถือเป็นอีกเทคนิคการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ที่สร้างโอกาสชนะมากยิ่งขึ้น มารู้จักการเล่น Tight Aggressive (TAG) ที่ดุดันสมชื่อ การเล่นแบบ Tight Aggressive เป็นสไตล์การเล่นที่ได้รับความนิยมจากผู้เล่นไพ่โป๊กเกอร์อย่างมาก เพราะการเล่นเดิมพันสไตล์นี้เรียกได้ว่าดุดันและไม่ยอมเสียเวลาในการเล่นเดิมพันให้ยืดยาว เน้นการเล่นเดิมพันแบบ Bet (การใส่เงินกองกลางเพิ่ม) และ Raise (การลงเงินเดิมพันสูงสุด) จะไม่ใช่การเล่นแบบ Check (การปล่อยผ่านเพื่อดูเชิงผู้เล่นคนอื่น) หรือ Call (การลงเดิมพันตามผู้เล่นคนอื่นเพื่อไปต่อในรอบนั้น ๆ) สไตล์การเล่นแบบ Tight Aggressive เช่นนี้จะเน้นใช้ในกรณีที่ผู้เล่นไม่มากและไพ่ในมือมีโอกาสชนะสูงเท่านั้น เล่นยังไงถึงเรียกสไตล์ Tight Aggressive (TAG) การเล่นไพ่โป๊กเกอร์ด้วยสไตล์การเล่นแบบ Tight Aggressive นั้นจะเน้นการเล่นไพ่แบบ Aggressive (เล่นเดิมพันแบบดุดัน) เหมาะสำหรับผู้ที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์มาพอสมควร เพราะยิ่งมีประสบการณ์ในการเล่นโป๊กเกอร์มากเท่าไหร่การเล่นสไตล์นี้ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นหาเงินได้ง่ายในเวลารวดเร็ว โดยมีวิธีการเล่นดังนี้ ผู้เล่นจะไม่ปล่อยโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นได้ Bet หรือ Raise เมื่อเห็นไพ่แล้วว่ามีโอกาสไปต่อได้หรือไพ่ดี ผู้เล่นในสไตล์นี้จะชิง Bet หรือ Raise ก่อนผู้เล่นคนอื่นทันที เพื่อที่ผู้เล่นจะสามารถคุมเกมให้อยู่ในมือของตนเองได้ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นได้เห็นไพ่เพิ่มขึ้น…
Jan 04, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
ในวงการการเล่นโป๊กเกอร์ เทคนิค check raise ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง เทคนิคการเล่นโป๊กเกอร์ ที่ได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้ให้เห็นในการเล่นระดับสูงอยู่บ่อยครั้ง โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ใช้เทคนิคนี้ในการเล่นจะถูกมองว่าเป็นผู้มีประสบการณ์หรือเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเทคนิคนี้จะไม่ค่อยได้เห็นจากผู้เล่นมือใหม่เท่าไหร่นัก โดยเทคนิคนี้หากเรียกง่าย ๆ ก็คือการวางกับดักผู้เล่นคนอื่น แตกต่างจากเทคนิคอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่เราจะต้องเป็นผู้คุมเกมเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชนะ แต่สำหรับเทคนิคนี้เราจะปล่อยผู้เล่นคนอื่น ๆ ให้เล่นไปก่อน หลังจากนั้นเราจึงค่อยมีแสดงศักยภาพของเราให้เขาเห็นและหวาดกลัวเราให้ได้มากที่สุด เทคนิค check raise คืออะไร? สำหรับนักเล่นโป๊กเกอร์ที่ต้องการศึกษาและนำเอาเทคนิค check raise ไปใช้ จำเป็นต้องเข้าใจถึงวิธีการใช้งานที่เหมาะสมของเทคนิคนี้ ก็คือเมื่อผู้เล่นคนอื่น Bet (ใส่เงินกองกลางเพิ่ม) แสดงว่าต้องการให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ เห็นว่าเขามีไพ่ดี แต่หากการ Bet เป็นแค่ทางเลือกครึ่ง ๆ กลาง ๆ แน่นอนว่าไพ่ในมือผู้เล่นที่ Bet มานั้นอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อถึงเวลานั้นแล้วให้เรา Raise (การวางเดิมพันสูงสุด) เข้าไปเลย ผู้เล่นคนอื่น ๆ และผู้เล่นที่ Bet ก่อนหน้าเราจะเริ่มเกิดความสงสัยและเริ่มกลัวในวิธีการเล่นของเรา อีกทั้งทุกคนจะคิดเหมือนกันว่าไพ่เราต้องดีแน่นอนไม่เช่นนั้นคงไม่กล้า Raise ตามหลังการ Bet อย่างแน่นอน ข้อควรรู้เกี่ยวกับเทคนิค check raise ก่อนนำไปใช้จริง สำหรับเทคนิคระดับสูงอย่างการ check raise…
Jan 04, 2021
อ่านเพิ่มเติม
-
เทคนิค Semi bluff เป็นอีกหนึ่ง เทคนิคการเล่นโป๊กเกอร์ ระดับสูงที่ใช้ในการเล่นเพื่อแก้เกมหลังจากที่เรา Bluff (การวางเดิมพันเพื่อทำให้คู่ต่อสู้เชื่อว่าไพ่เราดี) ไปแล้ว แต่มีผู้เล่นคนอื่น ๆ Call (การวางเดิมพันให้เท่ากับมูลค่าตอนนั้น) ตามเรามาเนื่องจากเขามั่นใจว่าไพ่ของเขาจะเอาชนะเราได้ นักเล่นโป๊กเกอร์หลายคนไม่ประสบความสำเร็จจากการ Bluff เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความเราจะต้องยอมหมอบเสมอไปเพราะยังนำเอาเทคนิค Semi bluff มาแก้มือได้อยู่ เพียงแต่ว่าเราต้องมั่นใจว่าโอกาสที่ไพ่กองกลางจะเปิดออกมาแล้วทำให้ไพ่ในมือของเราจะใหญ่ที่สุดหรือใหญ่พอจะเอาชนะได้เท่านั้น ถือไพ่กลาง ๆ ก็ชนะได้ด้วยเทคนิค Semi bluff ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ไพ่ที่เราได้นั้นอาจไม่ดีเสมอไป เราจึงต้องอาศัยไพ่กองกลางเพื่อทำให้ไพ่เราดีขึ้นเมื่อไพ่กองกลางเปิดออกมาแล้ว สามารถเข้าไปไพ่เราได้และทำให้ไพ่เราใหญ่ขึ้นมาแต่ขาดอีกแค่เพียง 1 ตัวเท่านั้นถึงจะสมบูรณ์ได้ การที่เราเลือกเล่นต่อแม้ว่าจะมีคน Call มา เราก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เช่นเดียวกัน การเล่นเช่นนี้เรียกว่าการใช้เทคนิค Semi bluff จากที่ไพ่ไม่ดีก็กลับมาเอาชนะได้ แต่ก็ต้องลุ้นกันว่าไพ่กองกลางที่เปิดเพิ่มมานั้นจะเข้าตามที่เราหวังหรือไม่ ซึ่งโอกาสในการเอาชนะด้วยเทคนิคนี้จะต้องอาศัยทั้งไพ่ในมือและไพ่กองกลางร่วมกัน ส่วนโอกาสชนะจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าไพ่ในมือนั้นพอที่จะไปต่อได้ในรูปแบบใด ความต่างที่คล้ายกันของ Bluff และ Semi bluff แม้ว่าทั้ง 2 อย่างจะชื่อคล้ายคลึงกันแต่กลับมีความแตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก โดยหลังจากที่เรา Bluff ไปแล้วแต่มีผู้เล่นคนอื่น Call เรามา ดังนี้ ในการ Bluff หากไพ่เราไม่ดีจริง ๆ โอกาสที่เราจะแพ้ก็มีอยู่สูงมาก แต่หากไพ่ของเราดีโอกาสชนะก็ยังพอมีอยู่แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะหากไพ่คู่ต่อสู้รวมกับไพ่กองกลางแล้วใหญ่กว่าไพ่เรา…
Dec 28, 2020
อ่านเพิ่มเติม
-
ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงคณิตศาสตร์พื้นฐานที่นักพนันควรเข้าใจก่อนที่จะเล่นเริ่มเล่นคาสิโนออนไลน์หรือโป๊กเกอร์ออนไลน์ สิ่งแรกที่มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่จะเริ่มเล่นคือการทำความเข้าใจใน Expected value หรือค่าความคาดหวังนั่นเองในที่นี้ผมจะแทนด้วยตัวย่อว่า EV ” Expected value คือ ค่าเฉลี่ยที่บ่งบอกถึงโอกาสที่เราคาดว่าเราจะได้หรือเสียจากการพนันต่างๆ ในระยะยาว” หากว่าค่า EV เป็นบวกจะบ่งบอกว่าในระยะยาวหากเราทำการพนันนั้น เราจะได้กำไร ในทางกลับกันหากค่า EV เป็นลบนั่นก็บ่งบอกถึงว่าในระยะยาวเราจะเสียหากเราทำการพนันนั้น ในที่นี้ผมขอใช้เป็น EV+(ค่าเฉลี่ยในระยะยาวได้กำไร) และ EV-(ค่าเฉลี่ยในระยะยาวขาดทุน) พออ่านถึงตรงนี้หลายๆคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่า EVคิดยังไง เรามาดูกัน Expected value (ค่าคาดหมาย)= (โอกาศที่จะเกิดผลลัพธ์1)(ผลลัพธ์1)+(โอกาศที่จะเกิดผลลัพธ์2)(ผลลัพธ์2)+…+(โอกาศที่จะเกิดผลลัพธ์N)(ผลลัพธ์N) คงยังงงกันอยู๋เรามาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า เริ่มจากตัวอย่างง่ายๆหากมีคนมาท้าพนันโยนเหรียญหัวก้อย โดยโอกาศที่เหรียญจะออกหัวกับก้อยเท่ากันคือ 50% หากคุณทายถูกคุณจะได้ 150 บาท แต่หากคุณทายผิดคุณจะเสีย 130บาท EVของการพนันนี้คือ (0.50* +150) +(0.50* -130) = 75-65= 10 หมายความว่าหากคุณรับการพนันนี้ในระยะยาวคุณจะได้กำไร 10 บาท 0.50 มาจากโอกาศที่จะออกหัวก้อย 50%…
Sep 19, 2017
อ่านเพิ่มเติม